ต่อ พ.ร.บ.รถยนต์ แต่ไม่ซื้อ ประกันรถยนต์ จะเป็นอะไรหรือเปล่า

ต่อ พ.ร.บ.รถยนต์ เป็นเรื่องดีครับ เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุรถชนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัวที่ไม่คิดมาก่อนว่าจะออกมาในรูปแบบไหน แต่มักมาพร้อมกับความเสียหายทางร่างกายและทรัพย์สิน จะได้ใช้สิทธิ์คุ้มครองจากประกันรถยนต์ภาคบังคับได้เป็นอย่างดี เพราะอย่างนี้การมีประกันรถยนต์เลยจำเป็นมาก ซึ่งกฎหมายเองก็ได้กำหนดให้รถทุกคันมี พ.ร.บ.รถยนต์ (ประกันรถภาคบังคับ) แต่คำถามสุดคาใจก็คือในเมื่อมี พ.ร.บ.รถ แล้วยังจำเป็นจะต้องซื้อประกันรถชั้น 1 ประกันรถชั้น 2+ ประกันรถชั้น 3+  (ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ) ด้วยไหมนะ?

ต่อ พ.ร.บ.รถยนต์ อย่างเดียวได้ไหม ไม่ซื้อประกันรถสมัครใจได้หรือเปล่า?

จริงๆ เราไม่รู้เลยว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นจะรับความเสี่ยงได้มากหรือน้อยแค่ไหน เลยมีกฎหมายบังคับให้รถทุกคันต้องมี พ.ร.บ.รถยนต์ เพื่อรองรับความเสี่ยงจากอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นนี่แหละครับ แต่ก่อนที่คุณจะตัดสินใจ ซื้อถ้าถาม CarTrust ว่า ต่อ พ.ร.บ.รถอย่างเดียวได้ไหมนะ คำตอบคือ “ได้” แต่ก่อนจะปิดบทความนี้ไปเพราะได้คำตอบที่ต้องการแล้ว อยากให้ดูความคุ้มครองของ พ.ร.บ.รถยนต์ก่อนว่าคุ้มครองอะไรบ้าง และประกันรถยนต์ภาคสมัครใจคุ้มครองอะไรบ้าง เพื่อตัดสินใจให้ถี่ถ้วนอีกครั้ง ดังนี้

ต่อ พ.ร.บ.รถยนต์ คืออะไร คุ้มครองอะไรบ้าง 2567

ท่องจำให้ขึ้นใจ พ.ร.บ.รถยนต์ คืออะไร คุ้มครองอะไรบ้างนะ?

หลายคนน่าจะรู้แล้วว่า พ.ร.บ.รถยนต์ คืออะไร แต่สำหรับมือใหม่หัดขับที่เพิ่งขับรถอาจจะยังไม่เข้าใจ เดี๋ยว CarTrust จะเล่าให้ฟังแบบง่ายๆ เอง พ.ร.บ.รถยนต์ คือประกันรถยนต์ที่กฎหมายบังคับให้รถทุกคันต้องมี เป็นความคุ้มครองเบื้องต้นที่จะช่วยคุ้มครองผู้ประสบภัยทันทีเมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชนโดยไม่สนว่าใครจะเป็นฝ่ายถูกหรือฝ่ายผิด แน่นอนว่า ถ้ารถคันไหนไม่มี พ.ร.บ.รถยนต์ จะถือว่ามีฐานความผิดตามกฎหมาย มีโทษปรับ 10,000 บาทเลยนะครับ โดย พ.ร.บ.รถยนต์ แบ่งความคุ้มครองออกเป็น 2 เงื่อนไข คือ

พ.ร.บ.รถยนต์ คุ้มครองความเสียหายเบื้องต้น โดยไม่พิสูจน์หลักฐาน

  • ค่ารักษาพยาบาลที่เกิดจากการบาดเจ็บ (จ่ายตามจริง) สูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท
  • การเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพถาวร สูงสุดไม่เกิน 35,000 บาท

รวมจ่ายสูงสุด 65,000 บาทต่อคน

พ.ร.บ.รถยนต์ คุ้มครองความเสียหายหลังจากพิสูจน์แล้วว่าถูก

  • ค่ารักษาพยาบาลจากการบาดเจ็บ หรือค่าเสียหายอื่นๆ สูงสุด 80,000 บาท
  • การเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพอย่างถาวร สูงสุด 500,000 บาท
  • ชดเชยรายวันวันละ 200 บาทไม่เกิน 20 วัน (สำหรับผู้ป่วยนอก – OPD)

รวมจ่ายสูงสุด 504,000  บาทต่อคน

ต้องบอกก่อนว่า พ.ร.บ.รถยนต์ จะให้ความคุ้มครองแค่ค่ารักษาพยาบาลของผู้ประสบภัยเท่านั้น แต่ในการเกิดอุบัติเหตุ 1 ครั้งไม่ได้มีแค่ค่ารักษาพยาบาลนี่สิครับ ยังมีความเสียหายจากรถ ความเสียหายจากทรัพย์สินอื่นๆ อยู่เหมือนกัน แล้วแบบนี้จะต้องซื้อประกันรถยนต์อะไรอีกบ้าง ที่ได้รับความคุ้มครองอย่างครอบคลุม

ประกันรถยนต์คืออะไร คุ้มครองอะไรบ้าง 2567

ถ้ารถมีการต่อ พ.ร.บ.รถยนต์ ไปแล้ว ไม่ทำประกันรถยนต์ได้ไหม?

ถึงแม้ว่าคุณจะทำการต่อ พ.ร.บ.รถยนต์ออนไลน์ไปแล้ว ก็ยังสนับสนุนให้รถทุกคันมีประกันรถยนต์ภาคสมัครใจติดเอาไว้นะครับ จากที่กล่าวไปข้างต้นจะเห็นได้ว่าพ.ร.บ.รถยนต์ ให้ความคุ้มครองผู้ประสบภัยก็จริง แต่ความคุ้มครองก็มีช่องโหว่หลายจุดที่สามารถสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนได้เช่นกัน

สมมติว่าวันหนึ่งคุณเกิดขับรถชนท้ายคันอื่นแบบไม่ได้ตั้งใจ อาจจะด้วยเพราะฝนตกถนนลื่นจนไม่สามารถเหยียบเบรครถยนต์ไม่อยู่ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น โดยในกรณีนี้คุณเป็นฝ่ายผิดเต็มๆ พ.ร.บ.รถยนต์ ก็จะให้ความคุ้มครองเรื่องค่ารักษาพยาบาล แล้วทรัพย์สินที่เสียหายจากอุบัติเหตุล่ะครับ ใครเป็นคนจ่าย?

หากคุณมีประกันรถยนต์ชั้น 1 ก็ใช้สิทธิ์คุ้มครองได้เลย โดยขอเคลมค่าเสียหายได้ทั้งรถยนต์ของคุณและรถยนต์ของคู่กรณีอีกด้วยนะครับ เห็นไหมว่า การมี พ.ร.บ.รถยนต์ ยังไม่พอ ต้องซื้อประกันรถยนต์ภาคสมัครใจติดรถไว้ด้วยจะได้คุ้มครองอย่างครอบคลุม ซึ่งความคุ้มครองของประกันรถแต่ละชั้นจะแจกแจงได้ ดังนี้

  • ประกันรถยนต์ชั้น 1 : ประกันรถยนต์ที่คุ้มครองอย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะขับรถชนมีคู่กรณี ขับรถชนไม่มีคู่กรณี รถน้ำท่วม รถไฟไหม้ รถโดนขโมย รถกระจกแตก ก็ใช้สิทธิ์เคลมประกันได้
  • ประกันรถยนต์ชั้น 2+ : ให้ความคุ้มครองเหมือนกันประกันรถชั้น 1 เว้นแต่ว่า จะไม่คุ้มครองถ้า “ขับรถชนไม่มีคู่กรณี” สมมติว่าขับรถชนแบริเออร์ ขับรถชนฟุตบาท อดใช้สิทธิ์เคลมประกันรถ 
  • ประกันรถยนต์ชั้น 3+ : เมื่อเบี้ยประกันถูกสุดเลยคุ้มครองน้อยที่สุด คือคุ้มครองแค่รถยนต์ของคู่กรณีเท่านั้น แต่รถยนต์ของผู้เอาประกันเองต้องจ่ายค่าซ่อมเองทั้งหมด 

อ่านถึงตรงนี้พอจะเห็นภาพชัดขึ้นไหมครับว่า ทั้งพ.ร.บ.รถยนต์ (ประกันรถยนต์ภาคบังคับ) และประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ (ประกันรถชั้น 1, ประกันรถชั้น 2+ และประกันรถชั้น 3+) ต่างก็ให้ความคุ้มครองในด้านที่ต่างกัน ถ้าอยากได้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมสุดๆ ก็ต้องมีประกันรถทั้ง 2 ประเภทติดรถไว้แล้วครับ

สรุป

ถึงจะมี พ.ร.บ.รถยนต์ อยู่แล้วแต่ก็ควรให้ความสำคัญกับประกันรถยนต์ภาคสมัครใจครับ เพราะเราไม่มีทางรู้อนาคตได้เลยว่าจะเกิดอุบัติเหตุรถชนร้ายแรงสักแค่ไหน การมีประกันรถยนต์เอาไว้ก็เลยอุ่นใจจริงๆ และถ้าใครไม่รู้จะ ต่อ พ.ร.บ.รถยนต์ออนไลน์ หรือ ซื้อประกันรถยนต์ออนไลน์ ที่ไหน CarTrust มีให้บริการนะครับ เชื่อเถอะครับว่าของอย่างนี้มีเอาไว้แล้วไม่ได้ใช้ ดีกว่าตอนจะใช้แล้วไม่มีนะ!